วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

3. เทคนิคการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต




เมื่อพูดถึงการสืบค้นข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่ปัจจุบันข้อมูลที่ถูกจัดเก็บและเผยแพร่ผ่านเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตนั้นมีเพิ่มขึ้น บางเว็บไซต์สามารถใช้ในการอ้างอิงข้อมูลได้ การสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์จะทำการค้นหาข้อมูลในรูปแบบของ Search Engine ซึ่งมีเว็บผู้ให้บริการหลายแห่ง เช่น www.bing.com www.sanook.com www.yahoo.com และอีกเว็บที่นิยมกันมากในบ้านเราคือ www.google.com  เป็นต้น

นอกจากนี้แล้ว Search Engine ยังมีวิธีในการค้นหาและจัดเก็บข้อมูลไว้ด้วยวิธีการต่างกันไป ดังนี้

    Keyword Index : การค้นหาข้อมูลรูปแบบนี้ จะมีการสำรวจเว็บเพจและอ่านข้อความ ข้อมูล รวมทั้งโครงสร้างภาษาโปรแกรม HTML ซึ่งอยู่ในTAG alt ร่วมด้วย อย่างน้อยประมาณ 200-300 ตัวอักษร วิธีการค้นหาข้อมูลแบบนี้จะเน้นการเรียงลำดับข้อมูลก่อน-หลังเป็นสำคัญ รวมถึงความถี่ในการนำเสนอข้อมูลหรือการที่เว็บเพจถูกเปิดขึ้นมา ซึ่งเป็นการค้นหาที่มีความรวดเร็วมาก แต่ความละเอียดในการจัดแยกหมวดหมู่ของข้อมูลค่อนข้างน้อยเพราะไม่ได้คำนึงถึงรายละเอียดของเนื้อหาเท่าที่ควร
    Subject Directories : มีการวิเคราะห์รายละเอียด เนื้อหาของแต่ละเว็บเพจ ด้วยการให้คนเป็นผู้พิจารณา การจัดแบ่งหมวดหมู่จึงขึ้นกับวิจารณญาณของคนที่ทำการจัดเก็บข้อมูล ทำให้การค้นหาค่อนข้างตรงตามความต้องการของผู้ใช้ และมีถูกต้องในการค้นหามากกว่า เช่น หากเราต้องการค้นหาข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ Search Engine ชนิดนี้ก็จะประมวลผลรายชื่อเว็บไซต์ หรือเว็บเพจเฉพาะที่เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้
    Metasearch Engines : เป็นการสืบค้นแบบเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่น ทั้งยังมีความหลากหลายของข้อมูล เป็นการค้นหาที่ไม่คำนึงถึงขนาดของตัวอักษร และอาจจะมองข้ามข้อความประเภท Natural Language (ภาษาพูด)

หลักการค้นหาข้อมูลของ Search Engine

แต่ละ Search Engine จะมีลักษณะและประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไปตามแต่ผู้ให้บริการ ลักษณะของปัจจัยที่ใช้ค้นหาโดยหลักๆจะมีดังนี้

    การค้นหาจากชื่อของตำแหน่ง URL ใน เว็บไซต์ต่างๆ
    การค้นหาจากคำที่มีอยู่ใน Title (ส่วนที่ Browser ใช้แสดงชื่อของเว็บเพจอยู่ทางด้าน ซ้ายบนของหน้าต่างที่แสดง
    การค้นหาจากคำสำคัญหรือคำสั่ง keyword (อยู่ใน tag คำสั่งใน html ที่มีชื่อว่า meta)
    การค้นหาจากส่วนที่ใช้อธิบายหรือบอกลักษณะ site
    การค้นหาคำในหน้าเว็บเพจด้วย Browser ซึ่งการค้นหาคำในหน้าเว็บเพจนั้นจะใช้สำหรับกรณีที่คุณเข้าไปค้นหาข้อมูลที่เว็บ เพจใด เว็บเพจหนึ่ง แล้วภายในมีข้อความปรากฏอยู่เต็มไปหมด จะนั่งไล่ดูทีละบรรทัดคงไม่สะดวก ในลักษณะนี้เราใช้ใช้ browser ช่วยค้นหาให้ ขึ้นแรกให้คุณนำ mouse ไป click ที่ menu Edit แล้วเลือกบรรทัดคำสั่ง Find in Page หรือกดปุ่ม Ctrl + F ที่ keyboard ก็ได้ จากนั้นใส่คำที่ต้องการค้นหาลงไปแล้วก็กดปุ่ม Find Next โปรแกรมก็จะวิ่งหาคำดังกล่าว หากพบมันก็จะกระโดดไปแสดงคำนั้นๆ ซึ่งคุณสามารถกดปุ่ม Find Next เพื่อค้นหาต่อได้ อีกจนกว่าคุณจะพบข้อมูลที่ต้องการ



เทคนิคการหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต (www.google.com)

1.   Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature. Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)

2.   การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้ มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris

3.   Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำ พวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature final fantasy +x

4.   Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย

5.   Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนดรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยว กับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF

6.   การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย " " เช่น "Breath of fire IV"

7.   Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะ ช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword

8.   Google สามารถค้นหาเวปที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเวปเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu

9.   สามารถคำนวนเลขได้โดยการพิมพ์โจทย์เลขลงไปในช่อง Search เช่น 52869-8956 หรือ 562475+8422 แล้วกด enter และยังสามารถแปลงค่าต่างๆ เช่น จากไมล์เป็นกิโลเมตร หรือจากเซนติเมตรเป็นนิ้วได้ แค่ใส่ลงไป เช่น ใส่ว่า 130 miles to kilometer ก็จะได้ผลออกมาเป็นกิโลเมตร เป็นต้น

10.สามารถแปลงค่าเงินได้ โดยใส่ลงไปในช่องค้นหาว่า 50 USD to baht ก็จะได้อัตราแลกเปลี่ยนเงินจากดอลลาร์เป็นบาท หรือจะเป็นค่าอื่น ก็แค่เปลี่ยนสกุลเงิน แล้วตามท้ายว่า To baht ก็จะได้อัตราแลกเปลี่ยน


เทคนิคการค้นหาข้อมูลด้วย google แบบพิเศษ





เทคนิคที่ควรรู้ในการค้นหาข้อมูล

    เลือกรูปแบบการค้นหาให้ตรงกับสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด : ถ้าต้องการจะค้นหาข้อมูลที่มีลักษณะทั่วไป ไม่ชี้ เฉพาะเจาะจง ก็ควรเลือกบริการสืบค้นข้อมูลแบบ Index อย่างของ yahoo เพราะ โอกาสที่จะเจอนั้น เปอร์เซ็นต์สูงกว่าจะมานั่งสุ่มหาโดยใช้วิธีแบบ Search Engine
    ใช้คำมากกว่า 1 คำที่มีลักษณะเกี่ยวข้องกัน : เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่แคบลง และตรงกับความต้องการมากขึ้น
    ใช้บริการของผู้ให้บริการเฉพาะด้าน : ควรเลือกใช้ Search Engine ที่ให้ข้อมูลเฉพาะทางที่ต้องการทราบ เช่นต้องการสืบค้นข้อมูลงานวิจัย ก็ให้เข้าเว็บที่ให้บริการค้นหาข้อมูลแหล่งงานวิจัยโดยเฉพาะ
    ใส่เครื่องหมายคำพูดครอบคลุมกลุ่มคำที่ต้องการ : เพื่อให้ Search Engine ทราบว่าเรา ต้องการผลการค้นหาที่มีเฉพาะคำในกลุ่มนั้น เช่น “Open Source Software” เป็นต้น
    การขึ้นต้นของตัวอักษรตัวเล็กเท่ากันหมด : ช่วยให้ Search Engine ค้นหาโดยไม่ต้องคำนึงว่าเป็นตัวอักษรเล็กหรือใหญ่
    ใช้ตัวเชื่อมทาง Logic : มี 3 ตัว คือ “AND“ สั่งให้หาโดยต้องมีคำนั้นๆมาแสดงด้วยเท่านั้น โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องติดกัน เช่น phonelink AND pager เป็นต้น “OR“ สั่งให้หาโดยจะต้องนำคำใดคำหนึ่งที่พิมพ์ลงไปมาแสดง “NOT“ สั่งไม่ให้เลือกคำนั้นๆมาแสดง เช่น food and cheese not butter หมายความว่า ให้ทำการหาเว็บที่เกี่ยวข้องกับ food และ cheese แต่ต้องไม่มี butter เป็นต้น
    ใช้เครื่องหมายบวกลบคัดเลือกคำ : “+“ ใช้หน้าคำที่ต้องการจริงๆ “- “ ใช้นำหน้าคำที่ไม่ต้องการ “( )“ ช่วยแยกกลุ่มคำ เช่น(pentium+computer)cpu
    ใช้เป็นตัวร่วม : เช่น com* เป็นการบอกให้หาคำที่มีคำว่า com ขึ้นหน้าต่อท้ายเป็นอะไรก็ได้ หรือ *com เป็นการค้นหาคำที่มีด้านหน้าเป็นอะไรก็ได้ต่อท้ายด้วยคำว่า com
    หลีก เลี่ยงการใช้ตัวเลข : ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรใส่เครื่องหมายคำพูด “” เช่น “drupal 7″ เป็นต้น
    หลีก เลี่ยงภาษาพูด
    Help และ Site map ช่วยคุณได้ : หากต้องการคำอธิบายหรือ option หรือการใช้งาน หรือแผนผังปีกย่อยของเว็บไซต์

การค้นหาข้อมูลแบบ Index Directory

วิธีนี้ข้อมูลจะถูกคัดแยกเป็นหมวดหมู่ สามารถเลือกเปิดเข้าไปดูเฉพาะในหมวดที่ต้องการ ซึ่งเมื่อ Click เข้าไปจะพบข้อมูลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากน้อยขึ้นอยู่กับที่จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลระบบ และสามารถเปิดดูผ่านWeb Browser ได้ นอกจากนี้ผู้ให้บริการในรูปแบบ Index Directory ยังนิยมเรียงลำดับข้อมูลโดยนำ site ที่มีความเกี่ยวข้องกับหมวดข้อมูลมากที่สุดไว้ด้านบนเพื่อความสะดวกและง่ายต่อการตัดสินใจเปิดดูของผู้สืบค้น

การค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตนั้น ถือเป็นบริการที่จำเป็นและมีผู้นิยมมากในปัจจุบัน ทั้งนี้การใช้งานคงขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารว่าต้องการวิธีการสืบค้นหาข้อมูลลักษณะใด หากต้องการข้อมูลเชิงกว้างและมีอิสระในการค้นหาก็ต้องเข้าเว็บไซต์ยอดฮิตอย่าง google หรือหาต้องการข้อมูลลักษณะ Index Directory ที่มีการจัดหมวดหมูไว้แล้วก็ใช้บริการของ yahoo เป็นต้น

อ้างอิง :

http://thana-za.exteen.com/20071123/search-engine-1

http://www.nattapon.com/2011/12/search-internet/

http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/nakhonsithamrat/nittaya_c/meaow2/page04_2.htm

http://www.siampolice.com/forum/index.php?topic=3687.0





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น